เหล่ามือใหม่หัดขับ หรือคนมีรถมักสงสัยว่า พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร คุ้มครองอะไร เคลมยังไง ทำไมต้องต่อทุกปี และหากไม่ต่อ หรือกรณีพบว่าหมดอายุแล้วยังไม่ได้ต่อ จะเจอบทลงโทษอะไรรึเปล่า แล้วจะต่ออย่างไร ? หากคุณมีคำถามเหล่านี้อยู่ ต้องการคำตอบก็อ่านต่อได้เลย! เพราะในบทความนี้จะคลายทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ พ.ร.บ. รถยนต์ ให้คุณเอง
พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร ?
พ.ร.บ. รถยนต์ คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (Compulsory Motor Vehicle Insurance) ตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กำหนดให้เจ้าของรถทุกคันที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ต้องทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) โดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเหล่านั้นจะเป็นผู้ที่กระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งกฎหมายจะให้ความคุ้มครองต่อตัวคู่กรณีและผู้เอาประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในรูปแบบของเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาลตามที่กฎหมายกำหนด
ทำไมถึงต้องทำ พ.ร.บ. รถยนต์ ?
- พ.ร.บ. รถยนต์เป็นกฎหมายภาคบังคับ : กรณีไม่ทำพ.ร.บ. รถยนต์ จะถูกปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากในกรณีขับขี่รถยนต์ที่ไม่ทำ พ.ร.บ. จะถูกปรับไม่เกิน 20,000 บาท
- ได้รับความคุ้มครอง : ขอบเขตของความคุ้มครองพ.ร.บ. รถยนต์ นั้นจะคุ้มครองบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุโดยไม่สนใจว่าบุคคลนั้นจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก
พ.ร.บ. รถยนต์ ในปี 2566 คุ้มครองอะไรบ้าง ?
พ.ร.บ. รถยนต์ ให้ความคุ้มครอง 2 อย่าง ได้แก่ ค่าเสียหายเบื้องต้น และค่าสินไหมทดแทนซึ่งมีรายละเอียดตามตารางด้านล่างนี้
ค่าเสียหายเบื้องต้น |
|
ค่ารักษาพยาบาล |
สูงสุด 30,000 บาท |
กรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ |
สูงสุด 35,000 บาท |
เงินชดเชยกรณีเกิดหลายกรณีรวมกัน |
สูงสุด 65,000 บาท |
ค่าสินไหมทดแทน |
|
ค่ารักษาพยาบาล |
สูงสุด 80,000 บาท |
กรณีสูญเสียอวัยวะ (นิ้ว) |
200,000 บาท |
กรณีสูญเสียอวัยวะ 1 ส่วน |
250,000 บาท |
กรณีสูญเสียอวัยวะ 2 ส่วน |
500,000 บาท |
กรณีเสียชีวิต |
สูงสุด 500,000 บาท |
ชดเชยรายวันกรณีเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล (ผู้ป่วยใน) |
วันละ 200 บาท (ไม่เกิน 4,000 บาท) |
การเคลม พ.ร.บ. รถยนต์ทำอย่างไร ?
หากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นแล้วสามารถทำตามขั้นตอนการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์ ได้ด้านล่างนี้
1.แจ้งความหรือบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขั้นแรกให้เราไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน และเก็บใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันเอาไว้
2.เข้ารับการรักษากรณีบาดเจ็บหรือสูญเสีย
กรณีบาดเจ็บหรือสูญเสียให้ทำการเข้ารับการรักษาจากโรงพยายาล และขอใบรับรองแพทย์ ใบเสร็จรับเงิน
3.จัดเตรียมเอกสารในการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์เบื้องต้น
- สำเนาบัตรประชาชน ของผู้ประสบภัย (หากอายุไม่ถึง 15 ปี ให้ใช้ใบสูติบัตรแทน)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนรถคันที่เกิดเหตุ
- สำเนาใบขับขี่ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง (ในกรณีที่ผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่)
- ใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- สำเนาใบกรมธรรม์ พ.ร.บ. รถยนต์
จัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติมในการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์ตามกรณีบาดเจ็บ
- สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ประสบภัย
- ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล
จัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติมในการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์ตามกรณีเสียชีวิต
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ประสบอุบัติเหตุ
จัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติมในการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์กรณีใบมรณบัตร
- สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของทายาท
- สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานที่แสดงว่าผู้ประสบภัยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
จัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติมในการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์กรณีทุพพลภาพ
- สำเนาบัตรประชาชนผู้ประสบเหตุ
- ใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองการเป็นผู้พิการ
- สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานที่แสดงว่าผู้ประสบเหตุได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
จัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติมในการเคลม พ.ร.บ. รถยนต์กรณีเบิกค่ารักษาพยาบาล ผู้ป่วยใน
- ใบรับรองแพทย์หรือหนังสือรับรองการรักษาตัว เป็นผู้ป่วยใน
- สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้ประสบภัย
4. ส่งเอกสารให้บริษัทที่ซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์
เมื่อจัดเตรียมเอกสารเรียบร้อย สามารถจัดส่งเอกสารเบื้องต้นและเอกสารเพิ่มเติมกรณีที่เราประสบมาแก่บริษัทที่เราซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์ มาได้เลย
พ.ร.บ. รถยนต์ ในปี 2566 ราคาเท่าไหร่ ?
- รถส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง : 600 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 15 ที่นั่ง : 1,100 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 15 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 20 ที่นั่ง : 2,050 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 20 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 40 ที่นั่ง : 3,200 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 40 ที่นั่ง : 3,740 บาท
ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ใช้อะไรบ้าง ?
การต่อพรบ รถยนต์ สามารถทำได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือบริษัทประกันภัยทุกแห่ง โดยจะต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- สำเนาทะเบียนรถ
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้เอาประกัน
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เอาประกัน
- ใบขับขี่ของผู้เอาประกัน (กรณีผู้เอาประกันไม่ใช่เจ้าของรถ)
- เงินค่าธรรมเนียมพรบ รถยนต์
โปรดจำไว้ว่าการต่อพ.ร.บ. รถยนต์ สามารถทำล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน ส่วนขั้นตอนการเราจะขอนำเสนอวิธีที่ละเอียดในบทความถัดไป
พ.ร.บ.รถยนต์ หมดอายุต้องทำอย่างไร ?
เมื่อ พ.ร.บ. รถยนต์ที่เราครอบหมดอายุจะถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายทันที เนื่องจากพ.ร.บ. รถยนต์เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดไว้ว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องทำ ตัวอย่างตามด้านล่างนี้
หากปล่อยให้พ.ร.บ. รถยนต์ ขาดเป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือขาดไม่เกิน 1 ปี จะยังไม่เสียค่าปรับในการต่อแต่อย่างใด แต่อาจโดยนปรับในแง่ของภาษีรถยนต์ย้อนหลังเป็น 1% ต่อเดือน
ในกรณที่ขาดการต่ออายุพ.ร.บ. รถยนต์ เป็นระยะเวลานานเกิน 2 ปี ต้องมีการนำรถไปตรวจสภาพและเดินเรื่องด้วยตนเองที่ขนส่ง โดยดำเนินการต่อทะเบียนรถและเสียค่าปรับ
ในกรณที่ขาดการต่ออายุพ.ร.บ. รถยนต์ เป็นระยะเวลานานเกิน 3 ปี เลขทะเบียนรถของคุณจะถูกระงับ ต้องทำการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ พร้อมกับเสียค่าปรับ ซึ่งอาจมีการเก็บภาษีรถยนต์ย้อนหลัง
คลายข้อสงสัยสั้นๆ ระหว่าง พ.ร.บ. รถยนต์ กับประกันรถยนต์
ความแตกต่าง |
ประกันรถยนต์ |
พ.ร.บ. รถยนต์ |
ความคุ้มครอง |
ผู้ขับขี่และรถยนต์ |
ผู้ขับขี่ |
วงเงินคุ้มครอง |
ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือก |
กฏหมายได้กำหนดไว้แล้ว |
กฏหมาย |
ไม่บังคับทำ |
บังคับทำ |
และทั้งหมดนี้คือ ข้อสงสัยหรือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพ.ร.บ. รถยนต์ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังต้องการคำตอบเกี่ยวกับพ.ร.บ. รถยนต์ ไม่มากก็น้อยนะ ในบทความหน้าเราจะไปดูกันว่าวิธีและขั้นตอนการต่อพ.ร.บ. รถยนต์ มีอะไรบ้าง ทำอย่างไร?