โฆษณา

แอปคำนวณสินเชื่อบ้าน คอนโด รู้ค่าผ่อน ดอกเบี้ยก่อน ออกแบบได้เอง

โปรแกรมคำนวณสินเชื่อผ่อนบ้าน

คำนวณหาค่าผ่อนบ้านต่อเดือน

แอปคำนวณหายอดผ่อนบ้านต่อเดือน ยอดผ่อนบ้านรวมดอกเบี้ยตลอดการกู้

%

MRR ไม่รวมส่วนลดจากธนาคาร หากทราบส่วนลดสามารถใส่เองได้

ยอดผ่อนชำระต่อเดือน :
0
ยอดผ่อนทั้งหมด :
0
ยอดผ่อนไม่รวมดอกเบี้ย :
0

คำนวณหาวงเงินกู้บ้านสูงสุด

แอปคำนวณหาวงเงินสูงสุดที่เราสามารถกู้ได้จากรายได้ และความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือน

%
วงเงินสูงสุด :
0
สามารถชำระงวดสูงสุด :
0

ตารางผ่อนชำระสินเชื่อบ้านในแต่ละเดือน

สูตรการคำนวณสินเชื่อ

M = P[r(1+r)^n]/[(1+r)^n – 1]

  • M : การชำระเงินรายเดือนของคุณ
  • P : จำนวนเงินกู้หลัก
  • r : อัตราดอกเบี้ยรายเดือนของคุณ ธนาคารมักจะโฆษณาอัตราดอกเบี้ยเป็นตัวเลขรายปี ดังนั้นคุณต้องหารด้วย 12 เพื่อให้ได้อัตรารายเดือน ตัวอย่างเช่น หากอัตราดอกเบี้ยต่อปีของคุณคือ 6% อัตราดอกเบี้ยรายเดือนของคุณจะเท่ากับ 0.005 (6% หารด้วย 12 เดือน)
  • n : จำนวนการชำระเงินของคุณ (จำนวนเดือนที่คุณจะชำระเงินกู้)

วิธีคำนวณสินเชื่อบ้าน

โดยทั่วไป สินเชื่อบ้านจะคำนวณตามปัจจัยต่อไปนี้

  1. เงินต้น: จำนวนเงินที่คุณกู้จากธนาคารเพื่อซื้อบ้าน
  2. อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยของเงินต้น โดยทั่วไปจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี
  3. ระยะเวลาเงินกู้: ระยะเวลาที่คุณต้องจ่ายคืนสินเชื่อ

การคำนวณสินเชื่อผ่อนบ้านหรือคอนโดคุณจะต้องทราบจำนวนเงินต้นของเงินกู้ (ราคาของบ้านหักเงินดาวน์ของคุณ) อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาของเงินกู้ (จำนวนปีที่คุณจะชำระคืน)

ตัวอย่าง

หากคุณต้องการซื้อบ้านมูลค่า 3,000,000 บาท โดยมีเงินดาวน์ 600,000 บาท วงเงินกู้หลักของคุณจะเป็น 2,400,000 บาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.5% ต่อปี และระยะเวลากู้สินเชื่อที่ 30 ปี คุณสามารถใช้รายละเอียดเหล่านี้เพื่อคำนวณหายอดผ่อนชำระต่อเดือนได้

สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อบ้านหลังแรก

  1. งบประมาณ: ก่อนเริ่มหาบ้าน คุณต้องรู้ว่าคุณสามารถจ่ายได้เท่าไหร่ โดยทั่วไป คุณควรตั้งเป้าหมายให้ค่าผ่อนบ้านของคุณ (รวมถึงค่าจำนอง ค่าประกัน และภาษีทรัพย์สิน) อยู่ระหว่าง 30-40% ของรายได้ต่อเดือน
  2. ทำเล: ทำเลบ้านมีความสำคัญมากๆ คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ก่อนตัดสินใจ เช่น ใกล้ที่ทำงาน โรงเรียน แหล่งช้อปปิ้ง โรงพยาบาล ติดถนนใหญ่ ฯลฯ ประเมินความปลอดภัยและศักยภาพการเติบโตในอนาคตของพื้นที่ใกล้เคียง
  3. การตรวจสอบบ้าน: ตรวจบ้านที่จะซื้ออย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพราะจะช่วยลดค่าซ่อมบ้านที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
  4. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: การเป็นเจ้าของบ้านมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากมาย รวมถึงค่าประกันภัย ค่าบำรุงรักษา ภาษีโรงเรือน และอื่นๆ เช็คสถานการณ์การเงินของตนเองให้แน่ใจว่าคุณได้เตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้แล้ว
  5. เช็คราคาตลาด: ตลาดอสังหาริมทรัพย์ สถานการณ์เงินเฟ้อสามารถผันผวนได้มาก ส่งผลต่อราคาบ้าน ราคาวัสดุ อุปกรณ์ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้เราประเมินและเทียบราคาปัจจุบับน อดีตและอนาคต
  6. แผนระยะยาว: บ้านเป็นการลงทุนระยะยาวที่สำคัญ ดังนั้น ให้นึกถึงความต้องการในอนาคตของคุณ เช่น การเติบโตของครอบครัว การเปลี่ยนที่ทำงานหรือธุรกิจ เป็นต้น

ปัจจัยที่ธนาคารพิจารณาเมื่อประเมินผู้กู้

  1. ประวัติเครดิต: ธนาคารจะพิจารณาประวัติเครดิต เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือในการชำระคืนเงินกู้ ประวัติเครดิตที่ดีสามารถช่วยให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง
  2. ความมั่นคงของรายได้: ธนาคารต้องการทราบว่าคุณมีรายได้ที่มั่นคงและจะเป็นอย่างนี้ต่อไปในอนาคต จะสามารถชำระหนี้สินเชื่อได้ในอนาคต
  3. อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้: อัตราส่วนนี้เปรียบเทียบหนี้สินรายเดือนทั้งหมดของคุณกับรายได้รวมต่อเดือนของคุณ โดยทั่วไปธนาคารต้องการให้อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ต่ำกว่า 50-40% 
  4. เงินดาวน์: ขนาดเงินดาวน์ของคุณมีผลต่อโอกาสในการขอสินเชื่อบ้าน เงินดาวน์ที่เยอะหมายความว่าคุณกู้เงินจากธนาคารน้อยลง เท่ากับความเสี่ยงของธนาคารก็น้อยลงนั่นเอง
  5. Loan to Value Ratio (LTV): อัตราส่วนของวงเงินกู้ต่อราคาประเมินของทรัพย์สิน ยิ่ง LTV ต่ำเท่าใด ความเสี่ยงของผู้ให้กู้ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น

ขั้นตอนที่ควรเตรียมก่อนซื้อบ้าน

  1. เก็บเงินดาวน์: เริ่มออมเงินเพื่อดาวน์บ้าน ยิ่งคุณวางดาวน์ได้มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องกู้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนชำระหนี้รายเดือนน้อยลง
  2. กำหนดงบประมาณ: ก่อนที่คุณจะเริ่มมองหาบ้าน ให้กำหนดจำนวนเงินที่คุณสามารถจ่ายได้ วิธีนี้จะช่วยให้ตัวเลือกของคุณแคบลงและป้องกันไม่ให้คุณตกหลุมรักบ้านที่อยู่นอกช่วงราคาของคุณ หลักการง่ายๆ คือการตั้งเป้าไปที่อสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาประมาณ 2.5 เท่าของรายได้รวมต่อปีของคุณ
  3. รับอนุมัติสินเชื่อล่วงหน้า: ก่อนที่คุณจะเริ่มการหาบ้าน ให้สมัครสินเชื่อบ้านและได้อนุมัติก่อน วิธีนี้จะช่วยสร้างความรอบคอบให้คุณว่าคุณสามารถยืมได้เท่าไรและโชว์ให้ผู้ขายเห็นว่าคุณจริงจังที่จะซื้อนะ
  4. ดูแนวโน้มตลาด: ทำความเข้าใจแนวโน้มปัจจุบันในตลาดที่อยู่อาศัย ราคาบ้านขึ้นหรือลงในพื้นที่ที่คุณต้องการ ? บ้านขาย ข้อมูลนี้สามารถช่วยคุณต่อรองราคาที่ดีที่สุดสำหรับบ้านใหม่ของคุณได้
  5. วางผังบ้านในฝัน: ทำรายการความต้องการของคุณ (เช่น จำนวนห้องนอน ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียน สระว่ายน้ำ สวนหลังบ้านขนาดใหญ่ ห้องครัวไทย นอก) วิธีนี้จะช่วยให้คุณมุ่งความสนใจไปที่การค้นหาและประเมินค่าใช้จ่ายได้เบื้องต้น
  6. ค้นหาตัวแทนที่เก่ง: ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ดีสามารถช่วยให้กระบวนการซื้อบ้านง่ายขึ้นมาก เขาสามารถช่วยคุณหาบ้านที่ตรงกับความต้องการของคุณได้ แนะนำกระบวนการเจรจา และช่วยจัดการงานเอกสารที่ซับซ้อน
  7. เตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายเสริม: นอกเหนือจากราคาบ้านแล้วยังมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าใช้จ่ายในการปิดบัญชี ค่าประกันบ้าน ภาษีโรงเรือน และค่าบำรุงรักษา เช็คให้ชัวร์ให้แน่ใจว่าคุณมีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้
  8. หาความรู้เพิ่ม: ทำความเข้าใจขั้นตอนการซื้อบ้าน ตั้งแต่การค้นหาไปจนถึงขั้นตอนการโอนเงินให้ผู้ขาย ยิ่งคุณรู้มากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะพบปัญหาที่ไม่คาดคิดก็น้อยลงเท่านั้น
  9. อดทน: การซื้อบ้านเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งอาจต้องใช้เวลา อย่าด่วนตัดสินใจเพียงเพื่อให้มันจบลง ใช้เวลาให้มากๆ ในการหาข้อมูล เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบจริงๆ
โฆษณา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ "นโยบายความเป็นส่วนตัว" และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ "จัดการคุ๊กกี้"

ข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลจากการใช้คุกกี้นั้น ไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของท่านได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies) StrictlyNecessaryCookies

มีความสำคัญต่อการทำงานของเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงข้อมูล และใช้งานในเว็บไซต์ได้อย่างปลอดภัย

คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์ (Analytics Cookies) AnalyticsCookies

มีหน้าที่จดจำและนับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ตลอดจนวิเคราะห์พฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์